พิลาทิส (Pilates) เป็นการออกกำลังกายที่ผสมผสานระหว่างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของร่างกาย ซึ่งเป็นที่นิยมทั้งในหมู่ผู้หญิงและผู้ชายที่รักสุขภาพและต้องการพัฒนาความฟิตของตนเอง การเล่นพิลาทิสสามารถเริ่มต้นได้ง่ายด้วยท่าพื้นฐาน ฝึกได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมายและสามารถฝึกได้ที่บ้าน อีกทั้งยังเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยคลายความเครียดได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ พิลาทิสยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและปรับสมดุลของร่างกาย ทั้งยังมีส่วนช่วยให้คุณดูแลรูปร่างให้กระชับ สวยงาม และเหมาะสำหรับคุณผู้หญิงที่ต้องการรักษาหุ่นให้รูปร่างดีอยู่เสมอ ด้วยการฝึกพิลาทิสเป็นประจำ คุณจะสามารถสร้างความมั่นใจและพร้อมใส่ชุดสวย ๆ เพิ่มเสน่ห์จาก bunnygirlz.com ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น สำหรับมือใหม่ที่อยาก เริ่มต้นเล่นพิลาทิส เราขอแนะนำ “7 ท่าพิลาทิสง่าย ๆ” ที่เหมาะสำหรับทุกคนและสามารถทำได้ที่บ้าน โดยไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์พิเศษ การฝึกท่าง่าย ๆ นี้จะช่วยให้คุณเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ พร้อมทั้งพัฒนากล้ามเนื้อ เพิ่มความยืดหยุ่น และเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการฝึกในระดับที่สูงขึ้น
พิลาทิสคืออะไร?
พิลาทิสเป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่พัฒนาโดย Joseph Pilates ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการควบคุมร่างกายและการใช้ลมหายใจอย่างถูกวิธี การฝึกพิลาทิสจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลาง และทำให้ร่างกายยืดหยุ่นพร้อมกับลดอาการปวดเมื่อยต่าง ๆ ซึ่งสามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย ทั้งนี้ พิลาทิสยังเน้นการเคลื่อนไหวที่อ่อนโยน ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย
ประโยชน์ของพิลาทิส
พิลาทิสมีประโยชน์มากมายต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้เป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน โดยประโยชน์หลัก ๆ ของพิลาทิส มีดังนี้
- เสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลาง
พิลาทิสช่วยพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลาง (Core) ซึ่งประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อหน้าท้อง หลังส่วนล่าง และสะโพก กล้ามเนื้อแกนกลางที่แข็งแรงช่วยให้ร่างกายมีความมั่นคงและสมดุล ช่วยรองรับน้ำหนักและลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ ทำให้การเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันสะดวกมากขึ้น
- เพิ่มความยืดหยุ่น
การฝึกพิลาทิสช่วยยืดหยุ่นกล้ามเนื้อและข้อต่อ ช่วยให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความตึงของกล้ามเนื้อที่อาจเกิดจากการนั่งทำงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน การยืดหยุ่นที่ดีช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บและทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างสะดวกสบาย
- ปรับสมดุลของร่างกาย
การฝึกพิลาทิสเน้นการใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนพร้อมกัน ทำให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานประสานกันอย่างดี ช่วยเพิ่มการทรงตัวและความสมดุล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกิจกรรมในชีวิตประจำวันและการเคลื่อนไหวอื่น ๆ
- บรรเทาความเครียดและช่วยผ่อนคลาย
การออกกำลังกายพิลาทิสช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย เนื่องจากมีการใช้ลมหายใจควบคู่กับการเคลื่อนไหว การหายใจเข้าออกอย่างมีสมาธิจะช่วยลดความเครียดและทำให้จิตใจสงบ พิลาทิสจึงเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ
- ช่วยลดอาการปวดเมื่อย
พิลาทิสช่วยลดอาการปวดเมื่อยที่เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้ออย่างหนักหรือการนั่งท่าเดิมเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอาการปวดหลังหรือปวดคอ การฝึกพิลาทิสช่วยปรับสมดุลกล้ามเนื้อและทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ และเป็นท่าออกกำลังกายง่าย ๆ เหมาะกับชาวออฟฟิศที่ไม่ค่อยมีเวลา
- เพิ่มการควบคุม
การฝึกพิลาทิสช่วยให้ผู้ฝึกมีสติและรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของร่างกายตลอดเวลา ทำให้เราควบคุมร่างกายได้ดีขึ้น การตระหนักรู้ถึงร่างกายนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการป้องกันการบาดเจ็บและทำให้เราเลือกใช้กล้ามเนื้อได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
- พัฒนาท่าทางและการทรงตัว
พิลาทิสเน้นการจัดตำแหน่งของกระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อ ทำให้ท่าทางการนั่ง ยืน และเดินดีขึ้น ลดการหลังค่อมและเพิ่มความมั่นคงของร่างกาย ซึ่งมีผลดีต่อบุคลิกภาพและลดอาการเมื่อยล้าจากท่าทางที่ไม่ถูกต้อง
- ช่วยในการฟื้นฟูร่างกาย
พิลาทิสเป็นการออกกำลังกายที่อ่อนโยน ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการฟื้นฟูร่างกายหลังจากการบาดเจ็บ เนื่องจากช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงและเพิ่มความยืดหยุ่น ทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและป้องกันการบาดเจ็บในอนาคต
พิลาทิสจึงเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยพัฒนาร่างกายและจิตใจในทุกด้าน ช่วยให้เรามีสุขภาพดี มีความยืดหยุ่น และลดความเครียด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพและพัฒนาตัวเองอย่างยั่งยืน
เริ่มต้นเล่นพิลาทิส ด้วย 7 ท่าง่าย ๆ สำหรับมือใหม่
หากคุณเป็นมือใหม่และต้องการเริ่มต้นเล่นพิลาทิส นี่คือ 7 ท่าพื้นฐานง่าย ๆ ที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเพิ่มความยืดหยุ่นได้
1. ท่า Pelvic Curl (ท่ายกสะโพก)
ท่านี้ช่วยสร้างกล้ามเนื้อบริเวณสะโพกและหลังส่วนล่าง เริ่มจากนอนหงายบนเสื่อ งอเข่าและวางเท้าบนพื้น หายใจเข้าแล้วค่อย ๆ ยกสะโพกขึ้น พร้อมกับดันก้นให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถึงจุดสูงสุด หายใจออกและค่อย ๆ ลดลง ทำซ้ำประมาณ 10-15 ครั้ง
2. ท่า Cat-Cow Stretch (ท่าแมวและวัว)
ท่านี้ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กระดูกสันหลังและช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อหลัง โดยเริ่มต้นจากการวางมือและเข่าบนพื้น ให้หลังแบน หายใจเข้าพร้อมกับงอหลังขึ้นคล้ายแมว หายใจออกพร้อมกับโค้งหลังลง ทำซ้ำประมาณ 10 ครั้ง
3. ท่า Leg Circles (ท่าวงกลมขา)
ท่านี้ช่วยกระชับกล้ามเนื้อสะโพกและต้นขา พร้อมทั้งเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับข้อต่อสะโพก เริ่มจากการนอนหงายบนเสื่อ ยืดขาทั้งสองข้างให้ตรง จากนั้นยกขาข้างหนึ่งขึ้นตรงทำมุม 90 องศากับพื้น เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องเล็กน้อยเพื่อให้หลังส่วนล่างแนบกับพื้น ค่อย ๆ หมุนขาข้างที่ยกขึ้นเป็นวงกลมเล็ก ๆ โดยควบคุมการเคลื่อนไหวให้นุ่มนวลและมีสติ ทำวงกลมตามเข็มนาฬิกา 5 ครั้ง แล้วทวนเข็มนาฬิกาอีก 5 ครั้ง จากนั้นสลับไปทำขาอีกข้างหนึ่ง ทำซ้ำทั้งหมด 3 รอบ ท่านี้นอกจากจะช่วยกระชับกล้ามเนื้อแล้ว ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในขาและสะโพกอีกด้วย
4. ท่า Roll-Up (ท่าม้วนตัวขึ้น)
ท่านี้เป็นการออกกำลังกายกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องและเพิ่มความยืดหยุ่นของกระดูกสันหลัง เริ่มต้นจากการนอนหงายบนเสื่อ ยืดขาทั้งสองข้างให้ตรง แขนยืดตรงอยู่เหนือศีรษะ หายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเตรียมพร้อม จากนั้นหายใจออกช้า ๆ พร้อมกับค่อย ๆ ยกแขนและศีรษะขึ้น ม้วนตัวขึ้นทีละส่วนโดยเริ่มจากไหล่ หลังส่วนบน และหลังส่วนล่างตามลำดับ พยายามรักษาขาให้แนบกับพื้นตลอดการเคลื่อนไหว เมื่อม้วนตัวขึ้นจนสุดให้โน้มตัวไปด้านหน้าพร้อมกับยืดแขนไปแตะปลายเท้า ค้างไว้สักครู่แล้วค่อย ๆ ม้วนตัวกลับลงสู่ท่าเริ่มต้นอย่างช้า ๆ โดยควบคุมการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำซ้ำประมาณ 6-8 ครั้ง
5. ท่า Spine Stretch (ท่ายืดกระดูกสันหลัง)
ท่านี้ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อหลัง เริ่มจากการนั่งหลังตรง ขาเหยียดตรงไปด้านหน้า ยืดแขนทั้งสองข้างให้ขนานกับพื้น หายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ ก้มตัวลงช้า ๆ พร้อมกับหายใจออก พยายามยืดลำตัวให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่งอหลัง เมื่อถึงจุดที่รู้สึกตึงให้หยุดค้างไว้สักครู่ แล้วค่อย ๆ ม้วนตัวกลับขึ้นมาสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำประมาณ 8-10 ครั้ง
6. ท่า Shoulder Bridge (ท่าสะพาน)
ท่านี้เป็นการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพในการกระชับกล้ามเนื้อสะโพก ต้นขา และแกนกลางลำตัว เริ่มจากการนอนหงายบนเสื่อ งอเข่าและวางเท้าราบกับพื้น ให้ส้นเท้าอยู่ใกล้กับก้น วางแขนข้างลำตัว ฝ่ามือคว่ำลง หายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ ยกสะโพกขึ้นพร้อมกับหายใจออก โดยให้น้ำหนักตัวอยู่บนไหล่และเท้า พยายามยกสะโพกให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่แอ่นหลังมากเกินไป เกร็งกล้ามเนื้อก้นและต้นขาค้างไว้สักครู่ แล้วค่อย ๆ ลดสะโพกลงสู่พื้นอย่างช้า ๆ ทำซ้ำประมาณ 8-10 ครั้ง
7. ท่า Child’s Pose (ท่าพักผ่อน)
ท่านี้เป็นท่าผ่อนคลายที่ช่วยยืดกล้ามเนื้อหลัง สะโพก และขา อีกทั้งยังช่วยลดความตึงเครียดในร่างกายและจิตใจ เริ่มจากการคุกเข่าบนเสื่อ นั่งบนส้นเท้า แยกเข่าออกเล็กน้อยหรือชิดกันก็ได้ตามความสบาย จากนั้นค่อย ๆ ก้มตัวลงไปด้านหน้า วางหน้าผากลงบนเสื่อ ยืดแขนไปด้านหน้าให้ยาวที่สุด หรือวางแขนไว้ข้างลำตัวก็ได้ หายใจเข้าลึก ๆ และรู้สึกถึงการยืดของกล้ามเนื้อหลังและสะโพก ค้างไว้ในท่านี้ประมาณ 30 วินาทีถึง 1 นาที พร้อมกับหายใจเข้าออกช้า ๆ และลึก ๆ
ท่าพิลาทิสสำหรับการเบิร์นไขมัน
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้พิลาทิสในการเผาผลาญไขมัน นอกจากท่าพื้นฐานที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อแล้ว ยังมีท่าพิลาทิสที่ช่วยเบิร์นไขมันให้ร่างกายได้อีกด้วย
1. ท่า Plank (ท่าแพลงก์)
ท่านี้ช่วยเบิร์นพลังงานได้อย่างดีและยังช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้องและหลัง ให้วางศอกและเท้าลงบนพื้นแล้วดันตัวขึ้น ทำค้างไว้ประมาณ 30 วินาที และทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
2. ท่า Side Plank (ท่าแพลงก์ด้านข้าง)
ท่านี้ช่วยกระชับกล้ามเนื้อด้านข้างและช่วยเบิร์นไขมันรอบเอว ทำซ้ำข้างละ 30 วินาที
3. ท่า High Knees (ท่ายกเข่า)
ยืนตรงแล้วยกเข่าสูงสุด ทำสลับกันเหมือนการวิ่ง ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญและการไหลเวียนของเลือด
4. ท่า Bicycle Crunches (ท่าปั่นจักรยาน)
นอนหงาย ยกขาขึ้นและหมุนตัวไปข้างละ 30 วินาที ช่วยกระชับหน้าท้อง
5. ท่า Mountain Climber (ท่าปีนเขา)
ท่านี้เหมาะสำหรับการเบิร์นไขมันและเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้อง เริ่มจากท่า Plank และดึงเข่าสลับขึ้น-ลงเหมือนการปีนเขา ทำซ้ำ 20 ครั้ง
อุปกรณ์พิลาทิสที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายพิลาทิสสามารถทำได้ด้วยร่างกายเปล่า ๆ หรือใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มความท้าทายและประสิทธิภาพของการฝึก นี่คืออุปกรณ์ที่ใช้ในพิลาทิสและประโยชน์ที่ได้จากการใช้อุปกรณ์เหล่านี้
1. เสื่อพิลาทิส
เสื่อพิลาทิสช่วยป้องกันการกระแทกของร่างกายกับพื้นและทำให้ฝึกได้สบายมากขึ้น เสื่อควรมีความหนาพอสมควรเพื่อให้รองรับน้ำหนักของร่างกายขณะออกกำลังกาย โดยเฉพาะในท่าที่ต้องนอนหรือคุกเข่า ซึ่งช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่เกิดจากการกดทับของร่างกายกับพื้น
2. ลูกบอลพิลาทิส
ลูกบอลพิลาทิสมีหลายขนาด สามารถใช้เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความท้าทายในการฝึก การใช้ลูกบอลช่วยเพิ่มการทรงตัว และพัฒนากล้ามเนื้อแกนกลางได้ดี เช่น ในท่าที่ต้องการการทรงตัว หรือนั่งบนลูกบอลและทำท่าพิลาทิสต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้กล้ามเนื้อได้ทำงานมากขึ้น
3. วงยางยืด
วงยางยืดช่วยเพิ่มแรงต้านทานในการฝึก ทำให้กล้ามเนื้อได้ทำงานหนักขึ้น การใช้งานวงยางยืดในท่าต่าง ๆ เช่น ท่ายืดขาและแขน ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อเฉพาะจุดและเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อโดยไม่จำเป็นต้องใช้น้ำหนักถ่วงที่หนัก
4. อุปกรณ์รีฟอร์เมอร์
รีฟอร์เมอร์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เฉพาะในพิลาทิส มักจะใช้ในการฝึกแบบคลาส ทำให้ท่าออกกำลังกายมีความหลากหลายและเพิ่มประสิทธิภาพได้มากขึ้น
5. ลูกบอลน้ำหนัก
ใช้เพื่อเพิ่มความต้านทานในการฝึกท่า เช่น ท่า Crunch จะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อหน้าท้องและพัฒนากล้ามเนื้อด้านข้างให้แข็งแรงขึ้น
6. โฟมโรลเลอร์
โฟมโรลเลอร์สามารถใช้ในการนวดกล้ามเนื้อเพื่อช่วยลดอาการตึงตัวของกล้ามเนื้อหลังจากการออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ในท่าพิลาทิสเพื่อเพิ่มการทรงตัวและเพิ่มแรงต้านได้อีกด้วย ช่วยปรับสมดุลร่างกายและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
ข้อควรรู้สำหรับมือใหม่ในการเริ่มฝึกพิลาทิส
การเริ่มต้นฝึกพิลาทิสเป็นการเลือกที่ดีสำหรับการดูแลร่างกาย แต่สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น มีบางข้อควรรู้เพื่อให้การฝึกเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลดี นี่คือคำแนะนำสำคัญสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเริ่มฝึกพิลาทิส
- การหายใจอย่างถูกวิธี: พิลาทิสให้ความสำคัญกับการหายใจอย่างมาก ควรฝึกหายใจเข้าลึก ๆ และหายใจออกยาว ๆ ซึ่งจะช่วยให้การเคลื่อนไหวมีความสมดุล
- ฝึกด้วยท่าพื้นฐาน: การเริ่มต้นด้วยท่าพื้นฐานจะช่วยให้ร่างกายคุ้นชินกับการเคลื่อนไหวและลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บ ท่าพื้นฐานยังช่วยสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางและปรับสมดุลของร่างกาย ควรฝึกท่าง่าย ๆ เช่น Pelvic Curl, Spine Stretch หรือ Cat-Cow Stretch ก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มความซับซ้อนเมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น
- เลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสม: สำหรับผู้เริ่มต้น แนะนำให้ใช้เสื่อพิลาทิสก่อนเพื่อป้องกันการกระแทกและลดการกดทับกับพื้น นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มอุปกรณ์ง่าย ๆ เช่น วงยางยืดหรือลูกบอลพิลาทิสเมื่อเริ่มมีความชำนาญ เพื่อเพิ่มความท้าทายในการฝึก
- ฝึกเป็นประจำ: การฝึกพิลาทิสเป็นประจำอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์จะช่วยให้เห็นผลลัพธ์เร็วขึ้น ทั้งในเรื่องของการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและความยืดหยุ่นของร่างกาย
- ระวังการบาดเจ็บ: หากรู้สึกเจ็บควรหยุดพักทันที อย่าฝืนทำต่อไปเพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้
- เรียนรู้จากครูฝึกหรือคลาสออนไลน์: การฝึกพิลาทิสโดยมีครูฝึกจะช่วยให้คุณได้เรียนรู้การฝึกที่ถูกวิธีและเข้าใจหลักการของพิลาทิสดีขึ้น หากไม่สะดวกเข้าคลาส สามารถเรียนรู้จากวิดีโอออนไลน์ที่เชื่อถือได้ หรือเข้าร่วมคลาสออนไลน์ที่มีการสอนอย่างละเอียดเพื่อป้องกันการฝึกผิดท่า
การ เริ่มต้นเล่นพิลาทิส สำหรับมือใหม่ เป็นการออกกำลังกายที่สามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มความยืดหยุ่นได้ดี อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลและลดความเครียด ทั้งยังเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเผาผลาญพลังงานและลดไขมันในร่างกายได้อย่างดี โดยเฉพาะหากฝึกท่าที่เน้นการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง การเริ่มต้นด้วยท่าพื้นฐานจะช่วยให้ผู้ฝึกใหม่สามารถทำความเข้าใจและปรับตัวกับการฝึกได้ง่ายขึ้น และเมื่อฝึกไปเรื่อย ๆ จนเกิดความชำนาญ สามารถเพิ่มท่าที่มีความซับซ้อนและใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อให้การฝึกมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องใช้แรงฝึกหนักเหมือนอย่างการออกกำลังกายแบบ HIIT หรือเวทเทรนนิ่ง ดังนั้น พิลาทิสจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพและต้องการดูแลร่างกายในทุกด้าน
คำถามที่พบบ่อย
1. พิลาทิสช่วยลดน้ำหนักได้หรือไม่?
การฝึกพิลาทิสสามารถช่วยเผาผลาญไขมันและสร้างกล้ามเนื้อได้ดี จึงมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้
2. ควรฝึกพิลาทิสบ่อยแค่ไหน?
แนะนำให้ฝึกอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับตัวและเสริมสร้างความแข็งแรง
3. พิลาทิสสามารถช่วยแก้ปวดหลังได้หรือไม่?
พิลาทิสมีท่าที่ช่วยปรับสมดุลของกล้ามเนื้อและเพิ่มความยืดหยุ่น ซึ่งสามารถช่วยลดอาการปวดหลังได้
4. มือใหม่ควรใช้อุปกรณ์เสริมอะไรบ้าง?
สำหรับผู้เริ่มต้น ควรเริ่มด้วย เสื่อพิลาทิส และเมื่อมีประสบการณ์แล้ว สามารถใช้อุปกรณ์เสริม เช่น ลูกบอลพิลาทิส หรือวงยางยืด
อ้างอิง
- Nicole Clancy, “8 Non-Intimidating Mat Pilates Exercises for Beginners,” Realsimple, November 30, 2023, https://www.realsimple.com/mat-pilates-exercises-for-beginners-8409221
- Kara Mayer Robinson & Alyson Powell Key, “Pilates,” Webmd, May 02, 2024, https://www.webmd.com/fitness-exercise/a-z/what-is-pilates
- CJ Kelly, “10 Essential Pilates Exercises for Beginners,” Basipilates, October 16, 2019, https://www.basipilates.com/pilates/10-essential-pilates-exercises-for-beginners/